FBCoverThai: 2013

ภาพหลุด iPad mini 2 สีทอง มี Touch ID Sensor ด้วย

ใกล้กำหนดที่ลือกันไว้ว่าจะเปิดตัวเดือนหน้า ช่วงนี้ก็ยังมีภาพหลุดของ iPad รุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีภาพของ iPad 5 ทรงใหม่ สีใหม่ Space Gray ออกมา วันนี้มีภาพของ iPad mini 2 มาเพิ่มแล้วโดยภาพของ iPad mini รุ่นใหม่ยังมาในทรงเดิม แต่จะมาพร้อมกับสีใหม่ล่าสุดของตระกูล iPhone อย่างสีทองแชมเปญด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือฟีเจอร์ Touch ID Sensor ก็ถูกใส่เข้ามาใน iPad mini 2 ด้วยเช่นกันหลังจากภาพนี้ออกไปได้ไม่นาน Sonny Dickson ผู้ที่ปล่อยภาพของ iPhone 5c และ iPhone 5s ก่อนเปิดตัวได้อย่างแม่นยำ ก็เผยสเปคของ iPad mini 2 และ iPad 5 ออกมา โดย iPad mini 2 จะใช้ซีพียู Apple A7 พร้อมหน่วยประมวลผลร่วม M7 มีแรม 1GB ส่วน iPad 5 นั้นมีแรม 2GB

ส่วนสีตัวเครื่อง iPad mini 2 มีสีเงิน สีทอง และสี Space Gray ครับ

ภาพดูได้ท้ายข่าวครับ

ที่มา -Blognone TechCrunch

iPad mini 2 สีทอง

Touch ID Sensor บน iPad mini

iPad mini 2 สี Space Gray

ที่มา it Today.com

Cover คำคมสำหรับคนที่กำลังอกหักหรือกำลังท้อถอยในชีวิต T-T (>o<)/ สู้ สู้ๆๆๆๆ

Download : คลิ๊ก

Pebble Smartwatch นาฬิกาอัจฉริยะที่การใช้งานไม่แพ้ Galaxy Gear มาดูคุณสมบัติกันดีกว่า

สเปคของ Pebble Smart watch

สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยใช้ Bluetooth
ความละเอียดหน้า 144x168 พิกเซล (ขาว-ดำ)
Bluetooth 2.1 + EDR และ 4.0
ปุ่ม 4 ปุ่ม
มีระบบสั่น

"Pebble" เป็น Smart watch ที่วางขายไปแล้วผ่านร้านค้า Best Buy ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 นี้ ซึ่งมีราคาอยู่ที่ $149.95 (ประมาณ 4,445 บาท) มีจอแสดงผลแบบ E-ink และรองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth สามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ iOS และ Androidเลยทีเดียว Pebble ถูกคิดค้นขึ้นมาสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังโดยเฉพาะเลย วิธีใช้งานก็ง่ายๆ แค่คุณเชื่อมต่อ Pebble กับสมาร์ทโฟนของคุณ ในขณะที่คุณกำลังออกกำลังกายอยู่นั้นเจ้า Pebble สามารถช่วยในการแสดงข้อมูลการสื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก Facebook, Twitter หรือ E-Mail รวมทั้งการแสดงข้อมูลการโทรจากสมาร์ทโฟน, เปลี่ยนเพลงที่เล่นอยู่ และใช้เป็นนาฬิกาปกติ ที่สำคัญสามารถกันน้ำได้ในระดับนึงด้วยนะครับ Pebble ทำมาให้เลือกถึง 5 สี คือ เหลือง, แดง, ดำ, ขาว และเงิน

ในเรื่องของการใช้งานนั้นตัวผมเองคิดว่ามีความสามารถไม่แพ้ Galaxy Gear โดยให้เป็นนาฬกิาอัจฉริยะที่สามารถอยู่ได้นานถึง 5-7 วันซึ่งเป็นอีกข้อหนึ่งที่เหมาะแก่การสวมใส่ไม่ต้องมานั่งชาร์ทแบตทุกๆวันโดยไม่ต้องมีฟีเจอร์ที่มากมายเอาในส่วนที่จำเป็นเท่านั้นอย่างเช่น ฟีเจอร์กล้องใน Galaxy Gear ผมคิดว่าไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำไมเหมือนกันแต่ทางด้าน ฟีเจอร์อื่นๆทางด้าน pebble ก็มีไม่แพ้ Galaxy Gearเลย ส่วนการวางขายในไทยนั้นจะมีการนำเข้ามาจำหน่ายในงาน mobile expo 2013 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 1-6 ตุลาคม 2556 นี้ใครสนใจก็ไปโดนกันได้ครับถ้าราคาออกมาไปบวกอะไรมาก ก็คงจะไม่ถึง 5,000 บาท

รวม Cover สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสวยๆ ดูแล้วอยากเที่ยวกันเลยทีเดียวนะ....

Download : คลิ๊ก

เปิดให้อัพแล้วสำหรับ iOS7 มีอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนทำการอัพครั้งนี้ มาดูกัน....

เชื่อว่าตอนนี้หลายๆ คนกำลังรอให้ถึงวันที่ 18 กันยานี้ไวๆ เพื่อที่จะได้อัพเป็น iOS 7 ตัวเต็มเสียที วันนี้เราจึงขอเสนอบทความรวบรวมลายระเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการอัพ iOS 7 ครับ

มาทำความรู้จักกับ iOS กันก่อน

iOS คืออะไร ? iOS คือระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่อง iPhone, iPad, iPod touch และ Apple TV ครับ ซึ่งลองนึกภาพว่าบนคอมพิวเตอร์มีระบบปฏิบัติการเป็น Windows บนเครื่อง iPhone ก็มี iOS ไว้เป็นระบบปฏิบัติการเช่นเดียวกันครับ

ซึ่งในปัจจุบัน นับตั้งแต่เปิดตัว iPhone รุ่นแรกในปี 2007 ตอนนี้ iOS ก็ได้มาถึงเวอร์ชั่น 7 กันแล้ว สามารถอ่านประวัติย้อนหลังตั้งแต่ iOS รุ่นแรกจนถึง iOS 7 ได้ที่บทความ “มาย้อนดูกันว่าตั้งแต่ iOS 1 ถึง 7 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” ครับ

iOS 7 มีอะไรใหม่

แน่นอนว่า iOS 7 ที่เปิดตัวใหม่นี้ ก็ต้องมาพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ แน่นอน และ iOS 7 นี้ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ iOS เสียด้วย สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลักๆ มีดังนี้ครับ

หน้าตาทั้งหมดของ iOS จากการออกแบบแนวเสมือนจริง (เช่นแอพจดโน้ตมีหน้าตาเหมือนกระดาษโน้ต) จะเปลี่ยนมาเป็นการออกแบบแนว Flat คือเน้นโทนเรียบๆ แทนครับ เรียกว่ายกเครื่องหน้าตาของ iOS ใหม่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ แต่ยังคงวิธีการใช้งานแบบเดิมที่คุ้นเคยไว้
Control Center ไว้สำหรับเป็นเมนูด่วนในการเปิด/ปิด/เปลี่ยนเพลง รวมถึงการตั้งค่า Wifi,ฺ Bluetooth, ล๊อกหมุนจอ, ปรับความสว่าง ฯลฯ สามารถลากขึ้นมาจากด้านล่างจอที่หน้าไหนก็ได้
Notification Center มีการปรับปรุงใหม่ แบ่งเป็น 3 แท็บ บอกปฏิทินและนัดหมายได้ละเอียดขึ้น
แอพกล้องใหม่มาพร้อมกับฟิลเตอร์
AirDrop สำหรับแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่อง iOS ด้วยกันครับ
Safari ใหม่ ใช้ Gesture ในการ back/forward ได้ และมี iCloud Keychain ที่ซิงค์ password ของเว็บต่างๆ ของเราขึ้น iCloud ครับ
Siri ฉลาดขึ้นอีกนิด และมาพร้อมกับเสียงใหม่ พูดนุ่มกว่าเดิม
App Store สามารถดูแอพที่นิยมในบริเวณท้องถิ่นได้ และอัพเดทแอพให้เราอัตโนมัติด้วยครับ
Activation Lock สามารถล๊อกเครื่องกันขโมยเอาไปขายต่อได้ด้วย Apple ID
iOS in the Car เป็นการเชื่อมต่อ iOS เข้ากับรถที่รองรับ สามารถใช้งาน iOS ผ่านหน้าจอรถได้เลย
iTunes Radio วิทยุออนไลน์ใหม่ (แต่ต้องใช้กับ account ของอเมริกาเท่านั้น ของไทยยังใช้งานไม่ได้)

นอกจากนี้แล้วยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีก สามารถอ่านได้จากรีวิว iOS 7 beta ครับ

“Review : ลองใช้ iOS 7 beta 1 ยกเครื่องครั้งใหญ่ กับการใช้งานที่ยังคุ้นเคย (ตอนแรก)“
“Review : ลองใช้ iOS 7 beta 1 มาดูกันต่อว่ามีอะไรเปลี่ยนไปอีก (ตอนจบ)“

iOS 7 สามารถใช้ได้กับเครื่องไหนบ้าง

iPhone รุ่นที่รองรับ (ต้องเป็นเครื่องศูนย์ไทยเท่านั้น, เครื่องจาก Online Store ไทยของ Apple หรือเครื่อง Official Unlock)

iPhone 4
iPhone 4s
iPhone 5
iPhone 5c
iPhone 5s

iPod touch รุ่นที่รองรับ

iPod touch รุ่นที่ 5 ความจุ 16 GB (รุ่นไม่มีกล้อง)
iPod touch รุ่นที่ 5 ความจุ 32/64 GB

iPad รุ่นที่รองรับ

iPad 2
iPad 3
iPad 4
iPad mini

สำหรับ iPod touch และ iPad ที่มีชื่ออยู่ในลิสด้านบนสามารถอัพได้เลยทุกเครื่อง เนื่องจากไม่มีเครื่องล๊อกครับ แต่สำหรับ iPhone ใครที่ไม่ได้ซื้อเครื่องศูนย์ไทยหรือเป็นเครื่องหิ้วที่ไม่ได้เป็นเครื่อง Official Unlock อย่าเพิ่งอัพนะครับ เพราะจะทำให้เครื่องใช้โทรไม่ได้ กลายเป็นที่ทับกระดาษกันได้ง่ายๆ เลย

ส่วน iPhone รุ่นแรก/iPhone 3G/iPhone 3GS, iPod touch รุ่นแรก-รุ่น 4 และ iPad รุ่นแรก ต้องแสดงความเสียใจด้วยครับ คุณไม่ได้ไปต่อครับ

มีฟีเจอร์อะไรที่รุ่นเก่าไม่รองรับบ้าง

AirDrop – สามารถใช้ได้เฉพาะ iPhone 5 ขึ้นไป, iPod touch รุ่นที่ 5 ขึ้นไป, iPad 4 ขึ้นไป และ iPad Mini
กล้อง Panorama – iPhone 4s ขึ้นไป และ iPod touch รุ่นที่ 5 ขึ้นไป
Filter ในแอพกล้อง - iPhone 5 ขึ้นไป และ iPod touch รุ่นที่ 5 ขึ้นไป
Dynamic Wallpaper – iPhone 4s ขึ้นไป, iPod touch รุ่นที่ 5 ขึ้นไป, iPad 2 ขึ้นไป และ iPad Mini

เตรียมตัวก่อนอัพเดท iOS 7

หลังจากที่เรารู้จัก iOS 7 แล้ว เราก็จะมาสำรองข้อมูลในเครื่องของเรากันก่อนครับ เผื่อเกินเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ข้อมูลอันเป็นที่รักยิ่งของเราจะได้สามารถกู้กลับคืนมาได้

เริ่มจาก Backup ข้อมูลในตัวเครื่องก่อนครับ สามารถดูได้จากบทความ “วิธีการ Backup ข้อมูลใน iPhone โดยใช้ iTunes” ครับ ในไฟล์ Backup ของเราจะเก็บไว้ให้ทั้งเซฟเกม, รายชื่อเบอร์โทรต่างๆ, การตั้งค่า แต่จะไม่ได้เก็บเพลง, หนังและแอพไว้ให้นะครับ ซึ่ง เพลง, หนัง และ App จะอยู่ใน iTunes อยู่แล้ว ไม่ต้องสำรองข้อมูลซ้ำ

และสำหรับใครที่ใช้ iCloud backup ตัว iOS อยู่แล้ว ก่อนจะอัพเดทก็อย่าลืมกดสำรองข้อมูลอีกซักรอบนะครับ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > iCloud > Storage & Backup > Back Up Now เพื่อเป็นการ Backup ก่อนจะอัพเดทครับ ซึ่งตรงนี้อาจจะใช้เวลาซักเล็กน้อยตามความเร็วของอินเตอร์เน็ตครับ (ข้อนี้ไม่ต้องทำก็ได้หากได้ Backup ผ่าน iTunes ไปแล้ว) รายระเอียดเพิ่มเติมของการ Backup ผ่าน iCloud

นอกจากนี้ใครที่ต้องการเก็บสำรองรูปภาพแยกต่างหากก็สามารถทำได้ สามารถดูได้จากบทความ ”[Tips] มาเอารูปหรือวีดีโอออกจาก iPhone โดยใช้ Windows กัน” และ “[Tips] มาเอารูปหรือวีดีโอออกจาก iPhone โดยใช้ Mac กัน“

และอย่าลืมไปอัพ iTunes เป็นเวอร์ชั่น 11.1 ด้วยนะครับ เพราะการซิงค์ iOS 7 กับคอมต้องใช้ iTunes 11.1 ขึ้นไปครับ

วิธีการอัพเดท iOS

วิธีการอัพเดท iOS แบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ ครับคือ

1. อัพเดทโดยตรงจากตัวเครื่อง iPhone เลย >> “วิธีการอัพเดท iOS ผ่านตัวเครื่อง” วิธีนี้จะต้องใช้ Wi-Fi ในการโหลด iOS ตัวใหม่ และอย่าลืมทำการเคลียร์พื้นนี้ในเครื่องให้ว่างประมาณ 2-3 GB ด้วยนะครับ (ซึ่งถ้าพื้นที่ไม่พอตอนอัพเดทเครื่องจะแจ้งว่าต้องการพื้นที่อีกเท่าไหร่) และแนะนำว่าให้ชาร์จแบตให้เต็มหรือเสียบชาร์จระหว่างอัพ iOS ไปด้วยเลย

2. อัพเดทโดยใช้ iTunes >> “วิธีการอัพเดท iOS ผ่าน iTunes“

หลังจากที่ iOS 7 ออกมาในวันที่ 18 ก็สามารถใช้วิธีด้านบนในการอัพเดทได้เลยครับ

ที่มา : http://iphonesociety.com

แจก Cover แปลกๆ แหวกแนว เข้าไปโหลดโลด !!!

Download : คลิ๊ก

Download :คลิ๊ก

Download : คลิ๊ก

PS Vita TV คู่แข่ง Apple TV ที่สามารถเล่นเกมส์ Vita ได้!

Sony เปิดตัว PS Vita TV คู่แข่ง Apple TV ที่สามารถเล่นเกมส์ Vita ได้!

เมื่อทุกความบันเทิงอัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ และเพิ่มความสะดวกสบายในการเปิดรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ และนี่คืออีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับสาวกค่าย Sony เพราะล่าสุดได้ประกาศเปิดตัว PS Vita TV กล่องรวมความบันเทิงทุกประเภทของค่าย Sony อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะคอเกมส์ทั้งหลายคงกรี๊ดกันแน่..

โดย PS Vita TV สามารถสตรีมมิ่งการเล่นเกมส์บนหน้าจอ PlayStation Vita ของเราออกสู่หน้าจอทีวีหรือมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อไว้ได้เพื่อความมันส์ในการเล่นบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นหรือจะเชื่อมต่อกับเครื่อง PlayStation 4 เพื่อสตรีมหน้าจอออกไปยังจุดต่างๆ ภายในบ้านก็สามารถทำได้

เช่นเดียวกับความสามารถในการใช้งานบริการต่างๆ ของ Sony ที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงไม่ว่าจะเป็น Music Unlimited, Movie Unlimited, การร้องเพลงคาราโอเกะ หรือบริการของผู้พัฒนาเจ้าอื่นๆ เช่น Twitter, Hulu หรือ NicoNico Douga เป็นต้น เรียกได้ว่าหน้าที่ของ PS Vita TV ก็ดูจะคล้ายคลึงกับฝั่ง Apple TV อยู่ไม่เบาแต่ที่จะเด่นกว่าคงเป็นเรื่องการเล่นเกมส์นี่แหละ

ทั้งนี้หน้าตาตัวเครื่อง PS Vita TV จะมีขนาดเล็กมากเพียงแค่ 6 x 10 เซนติเมตรเท่านั้น และจะมาพร้อมกับพอร์ต HDMI, พอร์ต USB, ช่องใส่เกมส์ Vita, ช่องใส่เมมโมรี่การ์ด และพอร์ต Ethernet เป็นต้น

โดย PS Vita TV จะออกวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นก่อนในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ด้วยราคา 9,480 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท พร้อมทั้งมีแพ็คเกจพิเศษเป็น PS Vita TV + เมมฯ Vita ความจุ 8GB + จอย DualShock 3 ในราคา 14,980 เยน หรือประมาณ 4,800 บาทครับ

ที่มา TechXcite

เคาะราคา Samsung Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear แล้ว!!!!!

ซัมซุงประเทศไทยเคาะราคาสองคู่หูที่หลายคนรอคอยอย่าง Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดย Galaxy Note 3 เปิดราคามาที่ 23,500 บาทสำหรับรุ่น 32GB และ Galaxy Gear ที่ 8,900 บาท

Galaxy Note 3 จะเปิดให้จองในวันที่ 18-24 กันยายนนี้ โดยผู้ที่สั่งจองจะสามารถรับของได้ตั้งแต่วันที่ 25-28 พร้อมกับสามารถสั่งซื้อ Galaxy Gear ได้ทันที (Galaxy Gear ไม่ได้เปิดให้จอง)

Galaxy Note 3 ในแรกเริ่มจะมีเพียงสองสีหลักอย่าง Classic White และ Jet Black ก่อน ส่วน Galaxy Gear จะมีเพียงสี Jet Black เท่านั้น

ที่มา - Blogone

นักวิจัยตลาดชี้ การที่แอปเปิลเปลี่ยนมาใช้ 64-bit บน iPhone 5s ดีสำหรับอนาคตอุตสาหกรรม

สำนักข่าวหลายสำนักได้ออกมากล่าวว่าการเลือกใช้สถาปัตยกรรม ARMv8 64-bit ของแอปเปิลไม่ได้มีประโยชน์อะไร และเป็นการใส่เข้ามาเพื่อเหตุผลทางการตลาดเท่านั้น โดย Patrick Moorhead ประธานและนักวิจัยตลาดของ Moor Insights and Strategy ได้ออกมาบอกว่า ณ เวลานี้ 64-bit จะไม่สร้างผลดีและผลเสียต่ออุปกรณ์ที่ยังไม่ต้องการใช้ RAM มากกว่า 4GB

อย่างไรก็ตามคิดว่าในอนาคตอันใกล้ มือถือทั้งของแอปเปิลและซัมซุงเอง ก็จะมี RAM มากถึงจุดเปลี่ยนอยู่ดี โดยทุกวันนี้ iPhone 5s มาพร้อมกับ RAM ที่ 2GB (อ้างตามข่าวลือ) ในขณะที่ Galaxy Note 3 ตอนนี้ก็มี RAM อยู่ที่ 3GB แล้ว และการเปลี่ยนมาเป็นสถาปัตยกรรม 64-bit เมื่อถึงเวลานั้นก็กลายเป็นสิ่งจำเป็น

สำหรับ iPhone 5s แล้ว หน่วยประมวลผลใหม่นี้จะมาพร้อมกับ register ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ A7 สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเข้าและถอดรหัสวีดีโอ และส่วนนี้ประกอบกับจำนวนคอร์และ GPU ที่ดีขึ้น ผู้ใช้ iPhone 5s จะเห็นว่าทุกอย่างเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ข้อเสียที่ตามมาของ 64-bit ก็คือขนาดแอพพลิเคชั่นที่จะกินเนื้อที่มากขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะต้องการ RAM ที่มากขึ้นตามไป

การเปลี่ยนมาเป็น 64-bit ก่อนถึงเวลาที่จำเป็น จะทำให้การช่วงเปลี่ยนผ่านจาก 32-bit มาเป็น 64-bit ของแอปเปิลเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่า และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นเพราะ iOS เป็นแพลตฟอร์มที่แอปเปิลควบคุมทุกอย่าง (เช่น Xcode จะทำให้ 64-bit เป็นโหมดเริ่มต้นสำหรับนักพัฒนา)

หากมองการณ์ไกล การที่เราอยู่ในยุค Post-PC ผู้ใช้ในอนาคตก็คงจะเริ่มหันมาใช้งานอุปกรณ์พกพาเพื่องานประเภท Productivity มากขึ้น และการทำชิป 64-bit อาจจะเป็นการวางแผนระยะไกลของแอปเปิล จากที่เห็นได้ชัดคือการปล่อยให้ดาวน์โหลดชุดแอพพลิเคชั่น iWork ได้ฟรี และการเริ่มวางขาย iPad ขนาดความจุ 128GB ที่แอปเปิลได้บอกว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานคู่กับ AutoCAD

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่แอปเปิลได้เลือกใช้คำว่า “Forward Thinking” ในการอธิบาย iPhone 5s

ข้อดีสุดท้ายของการที่แอปเปิลเปลี่ยนมาใช้ชิป 64-bit คือการเร่งการแข่งขันในอุตสาหกรรมมือถือไปอีกขั้นให้เร็วกว่าเดิม โดยนักวิจัยตลาดจาก Insight 64 ได้ออกมาบอกว่าภายใน 9-12 เดือนต่อจากนี้ เราจะได้เห็นมือถือ Android ที่เริ่มนำชิป 64-bit มาใช้อีกเช่นกัน ซึ่งเห็นได้ชัดจากข่าวก่อนหน้า

ที่มา – Blognone The Verge

วันนี้ FBCoverThai นำ Cover สวยๆของเหล่า Bigbike ชั้นนำของโลกมาให้โหลดกันครับ

Download : คลิ๊ก

แจก Cover น่ารัก กวนๆ บ๊องๆ เบลอๆ จอมแสบ ของเหล่าตัวเหลือง Minion โหลดกันเลยๆ !!!

Download : คลิ๊ก

รีวิว Sony Walkman W-273 ฟังเพลงได้แม้ว่ายน้ำ วิ่ง เต้นแอโรบิค Gadget สุดล้ำจาก Sony

วันนี้ทางแอดมินของ FBCoverThai จะมานำเสนอในส่วนของ Walkman Sony รุ่น w-273 ซึ่งประสิทธิภาพของเจ้าเครื่องเล่นตัวนี้มีมากมายเลยทีเดียวว่าแล้วเราไปดูสเป็คของมันก่อนว่าทำอะไรได้บ้าง

-เครื่องเล่น MP3 ความจุ 4GB แบบกันน้ำได้ หูฟังแบบ in-ear ครอบรอบศรีษะอย่างแน่นหนา

-ใช้ฟังดนตรีได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้กำลังเล่นกีฬา หรือว่ายน้ำในสระ-ฟังก์ชัน Quick Charge ใช้เวลาชาร์จเพียง 3 นาที ก็สามารถฟังเพลงต่อได้อีก 60 นาที

-ฟังก์ชัน Drag-and-drop เพื่อให้เพิ่มหรือลบเพลงได้อย่างง่ายดาย

-เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการเล่นกีฬาและเสียงดนตรี-ฟังก์ชันการทำงานค้นหาเพลงได้รวดเร็ว ZAPPIN™

ตัววัสดุทำได้ดีครับสายเป็นสายยางสามารถยืดหยุ่นได้ในกล่องนั้นจะมีสายเสียบ USB เพื่อลงเพลงและชาร์ทกับคอมพิวเตอร์พร้อมทั้งหูฟังซึ่งเป็นยางสามารถเปลี่ยนได้ขนาดต่างๆเพื่อให้กระชับเวลาใส่ทำกิจกรรม

ในเรื่องของเสียงนั้นทำออกมาได้ดีมากสำหรับการฟังเพลงขณะเล่นกีฬาแต่ไม่ดีขนาด iPod นะจะด้อยกว่าอยู่แต่โดยรวมถือว่าโอเคปรับระดับได้ตั้งแต่ค่อยมากๆจนกระทั่งดังขี้หูไหล

เรื่องของขนาดความจุนั้นที่ให้มา 4Gb นั้นถือว่าเยอะมากๆใช้กันไม่มีหมดถือว่าใส่เพลงไฟล์ละ 4MB-10MB ได้ราวๆ 500-700 เพลงกันเลยทีเดียว เรื่องของแบตนั้นอึดมากๆฟังต่อเนื่องได้ถึง 8 ชั่วโมงโดยถ้าคุณมีเวลาน้อยสามารถชาทแบตแบบเร็วได้คือชาท 3 นาที จะสามารถฟังได้ถึง 60 นาทีเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังมีโมทเพื่อช่วยค้นหาเพลงด้วยการกดปลุ่ม Play ค้างเอาไว้(ZAPPIN™)จะเป็นโมทที่สามารถค้นหาเพลงโปรดได้อย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่ม ZAPPIN™ ที่จะช่วยเล่นบางท่อนของเพลงให้ได้ลองฟัง (4 หรือ 15 วินาที) ทันทีที่คุณค้นพบเพลงโปรด เพียงกดปุ่มอีกครั้งเพื่อเริ่มเล่นเพลง

การนำมาใส่ทำกิจกรรมต่างๆนั้นทำได้อย่างราบลื่นคุณเคยฟังเพลงมือถือหูฟังระโยงระยางวิ่งไปต้องมากังวลว่ามือถือจะหลุดจากกางเกงหรือไม่แต่ถ้ามีเจ้านี่คุณไม่ต้องกลัวเลยล่ะครับ อีกข้อหนึ่งคือการใส่ว่ายน้ำเป็นอะไรที่ปกติจะเห็นได้น้อยมากคงไม่มีใครเอามือถือลงไปฟังเพลงในน้ำหรอกนะ เมื่อคุณใส่ว่ายน้ำผมรู้สึกว่าเวลาเราเปิดเพลงมันส์ๆจะทำให้ว่ายน้ำเร็วขึ้นหายใจเป็นจังหวะมากขึ้นและถ้าคุญกังวลว่าการใส่ลงน้ำมีผลกระทบอะไรหรือไม่ผมตอบเลยว่าแค่คุณเลือกยางหูฟังที่กระชับกับหูเท่านั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลใดๆ เพราะหากหูฟังคุณหลวมจะทำให้น้ำเข้าหูฟังซึ่งหูฟังก็จะมีเสียงก้องๆเบาๆทำให้เสียอารมณ์ในการว่ายน้ำแต่คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการถอดยางหูฟังออกแล้วนำไปเขย่าในผ้าแห้งเพียง 5-10 ครั้งนำยางใส่เหมือนเดิมก็สามารถฟังได้เหมือนปกติ

ปุ่มคำสั่งทั้งสองด้าน ด้านซ้ายจะมี Volume+/- ,Shuffer On/Off

ปุ่มทางด้านขวาจะมีปุ่ม Play(ZAPPIN ถ้ากดค้าง),next,previous

ทางด้านข้างของฝั่งขวาจะเป็นปุ่ม Power และ Lock/Unlock Power

สรุป กับราคา 2,990 บาท สำหรับส่วนตัวแล้วนั้นถือว่าคุ้มค่านะเพราะผมชอบออกกำลังกายพร้อมกับฟังเพลงไปด้วยมันเป็นอะไรที่ช่วยให้การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและที่สำคัญใช้กับกีฬาที่เล่นคนเดียวนะ เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง แอโรบิค ถ้าไปใส่เตะบอล บาส คงเล่นไม่สนุกเพราะเป็นกีฬาแบบเป็นทีมต้องการการสื่อสารครับผม